ประกันอุบัติเหตุสำหรับวัยทำงาน และ การคุ้มครองการรักษาพยาบาลจากอุบัติเหตุ

Last updated: 17 เม.ย 2568  |  37 จำนวนผู้เข้าชม  | 

หากเกิดเหตุบาดเจ็บ ควรทำประกันอุบัติเหตุ PA หรือประกันโรงงาน

 หากมีความเสี่ยงเกิดเหตุบาดเจ็บ ควรทำประกันอุบัติเหตุ PA หรือไม่?


 การทำประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) เป็นทางเลือกที่ดีในการเสริมความคุ้มครองให้กับตัวเอง เพราะการเกิดอุบัติเหตุไม่สามารถคาดเดาได้ และบางครั้งอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นอาจทำให้เราได้รับบาดเจ็บอย่างรุนแรงหรือถึงขั้นเสียชีวิต หากมีประกันอุบัติเหตุ PA จะช่วยให้คุณได้รับการคุ้มครองในกรณีดังกล่าว

ประกันอุบัติเหตุ PA ที่มีค่ารักษาพยาบาล
 ในกรณีของประกันอุบัติเหตุ PA บางประเภทจะมีการคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลที่เกิดจากอุบัติเหตุ รวมถึงการรักษาพยาบาลในโรงพยาบาลต่างๆ หากคุณได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ เช่น การบาดเจ็บจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ การล้ม หรืออุบัติเหตุทั่วไป การทำประกันอุบัติเหตุที่มีค่ารักษาพยาบาลจะช่วยให้คุณไม่ต้องจ่ายค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลเอง หรือจ่ายในบางส่วนตามเงื่อนไขของประกัน


 โดยส่วนใหญ่แล้วประกันอุบัติเหตุ PA ที่มีค่ารักษาพยาบาลจะครอบคลุมค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจากการรักษาพยาบาลที่จำเป็นจากอุบัติเหตุ เช่น ค่าหมอ ค่ายา ค่าผ่าตัด และค่าใช้จ่ายในการรักษาอื่นๆ ทั้งนี้จะมีข้อจำกัดในการจ่ายสินไหมตามวงเงินที่ได้กำหนดไว้ในกรมธรรม์ ซึ่งแต่ละแบบจะมีวงเงินคุ้มครองที่แตกต่างกัน

 

อุบัติเหตุใช้สิทธิประกันของที่ทำงานได้หรือไม่?

 หลายองค์กรหรือบริษัทมักจะมีประกันอุบัติเหตุหรือประกันสุขภาพให้กับพนักงาน ซึ่งสามารถใช้สิทธิ์ประกันของที่ทำงานได้ในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุขณะทำงาน หรือในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุในเวลางาน


ข้อดีของการใช้สิทธิประกันของที่ทำงาน:

  • ประหยัดค่าใช้จ่าย: หากบริษัทที่ทำงานมีประกันสุขภาพหรือประกันอุบัติเหตุให้พนักงาน จะทำให้ไม่ต้องจ่ายค่าเบี้ยประกันเอง
  • คุ้มครองระยะยาว: บางบริษัทให้ความคุ้มครองที่ดีมาก ไม่เพียงแค่คุ้มครองในกรณีการบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ แต่ยังรวมถึง
  • การรักษาพยาบาลอื่นๆ ด้วย



ข้อจำกัดของการใช้สิทธิประกันของที่ทำงาน:

คุ้มครองเฉพาะช่วงเวลาทำงาน: ประกันจากที่ทำงานอาจจะให้ความคุ้มครองเฉพาะเมื่อเกิดอุบัติเหตุในเวลาทำงานหรือกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับงานเท่านั้น และ อาจจะไม่ครอบคลุมในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุในเวลาส่วนตัว
มีข้อจำกัดในการเคลม: ประกันจากที่ทำงานอาจมีข้อจำกัดบางอย่างในเรื่องของการเคลม เช่น ค่ารักษาพยาบาลหรือวงเงินชดเชยที่ต่ำกว่าประกันส่วนบุคคล

 

 

ประกันอุบัติเหตุ PA ส่วนบุคคล

 ประกันอุบัติเหตุ PA หรือที่เรียกว่าประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคล (Personal Accident Insurance) เป็นประกันที่ช่วยให้ความคุ้มครองในกรณีที่ผู้เอาประกันประสบอุบัติเหตุและได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต โดยคุ้มครองค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการรักษาพยาบาล หรือค่าเสียหายที่เกิดจากอุบัติเหตุ แต่ประกันอุบัติเหตุ PA สามารถมีความแตกต่างในหลายๆ ด้าน ซึ่งจะส่งผลต่อความเหมาะสมกับความต้องการและการใช้งานของผู้เอาประกัน ดังนี้:

  • 1. ความคุ้มครองต่างกัน
  • ประกันอุบัติเหตุแบบพื้นฐาน: โดยทั่วไปจะคุ้มครองการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ หรือการสูญเสียอวัยวะจากอุบัติเหตุ รวมถึงการบาดเจ็บจากอุบัติเหตุที่ไม่เกี่ยวข้องกับโรคประจำตัวหรืออุบัติเหตุจากการกระทำผิดกฎหมาย
  • ประกันอุบัติเหตุที่มีค่ารักษาพยาบาล: บางแบบจะเพิ่มความคุ้มครองในการรักษาพยาบาลจากอุบัติเหตุ เช่น ค่าผ่าตัด ค่ายา ค่ารักษาพยาบาลในโรงพยาบาล รวมถึงการบริการฉุกเฉิน และการขนส่งผู้บาดเจ็บ
  • ประกันอุบัติเหตุที่มีการชดเชยรายได้: มีการคุ้มครองการสูญเสียรายได้หรือการหยุดงานหากเกิดอุบัติเหตุ เช่น การจ่ายเงินชดเชยรายวันในกรณีที่ผู้เอาประกันต้องพักรักษาตัวในโรงพยาบาลหรือไม่สามารถทำงานได้
  • ประกันอุบัติเหตุที่คุ้มครองการเดินทาง: มีการคุ้มครองอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นระหว่างการเดินทางหรือในขณะเดินทาง โดยสามารถครอบคลุมอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นจากการขับขี่หรือเดินทางไปต่างประเทศ
    2. วงเงินคุ้มครอง
  • วงเงินคุ้มครองสูง/ต่ำ: ประกันอุบัติเหตุ PA ไม่ต้องสำรองจ่าย ที่มีวงเงินคุ้มครองสูงมักจะมีค่าเบี้ยประกันที่สูงขึ้น แต่ในทางกลับกัน หากเลือกประกันที่มีวงเงินคุ้มครองต่ำ ค่าเบี้ยก็จะต่ำลง แต่ผู้เอาประกันอาจจะได้รับความคุ้มครองที่จำกัด
  • ความครอบคลุมของวงเงิน: วงเงินคุ้มครองบางกรมธรรม์อาจจะมีการจ่ายสินไหมตามอัตราการบาดเจ็บหรือการเสียชีวิต เช่น หากเสียชีวิตจากอุบัติเหตุจะได้รับเงินชดเชยเต็มจำนวนหรือบางกรณีอาจจะเป็นสัดส่วนตามความรุนแรงของอุบัติเหตุ
    3. ประเภทของอุบัติเหตุที่ครอบคลุม
  • อุบัติเหตุจากการทำงาน: ประกันอุบัติเหตุบางประเภทอาจจะครอบคลุมเฉพาะอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นในเวลาทำงาน หรือในกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการทำงาน เช่น การประสบอุบัติเหตุในโรงงานหรือสถานที่ทำงาน
  • อุบัติเหตุจากกิจกรรมเสี่ยงภัย: บางกรมธรรม์อาจจะยกเว้นการคุ้มครองจากกิจกรรมที่มีความเสี่ยงสูง เช่น การเล่นกีฬาผาดโผน หรือการขับขี่จักรยานยนต์ ซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องตรวจสอบก่อนทำประกัน
  • อุบัติเหตุในช่วงเวลาไม่ทำงาน: ประกันบางแบบจะคุ้มครองทั้งในช่วงเวลาที่ทำงานและในช่วงเวลาที่ไม่ทำงาน โดยไม่จำกัดแค่การทำงาน
    4. ระยะเวลาการรอคอย (Waiting Period)
    ระยะเวลารอคอย: บางกรมธรรม์อาจจะมีระยะเวลารอคอยก่อนที่จะสามารถเคลมได้ เช่น หากเกิดอุบัติเหตุภายใน 30 วันหลังจากการทำประกัน อาจจะไม่ได้รับการคุ้มครองในทันที
    ไม่มีระยะเวลารอคอย: หากคุณเลือกประกันที่ไม่มีระยะเวลารอคอย คุณจะได้รับการคุ้มครองทันทีเมื่อเริ่มต้นประกัน
    5. ราคาเบี้ยประกัน
  • ประกันราคาถูก: ประกันที่มีราคาเบี้ยต่ำมักจะมีวงเงินคุ้มครองที่จำกัดและอาจไม่ครอบคลุมในกรณีต่างๆ เช่น อาจไม่ครอบคลุมค่ารักษาพยาบาลหรือการชดเชยรายได้
  • ประกันราคาแพง: ประกันที่มีราคาแพงมักจะมีความคุ้มครองที่ครอบคลุมมากขึ้น โดยเฉพาะการรักษาพยาบาล ค่าชดเชยการสูญเสียอวัยวะ และการชดเชยในกรณีที่ต้องหยุดงาน



   หากคุณมีสิทธิ์ประกันอุบัติเหตุจากที่ทำงานอยู่แล้ว ควรตรวจสอบเงื่อนไขของประกันจากที่ทำงานเพื่อให้แน่ใจว่าได้รับความคุ้มครองในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นในชีวิตประจำวันหรือกิจกรรมส่วนตัว แต่หากคุณต้องการความคุ้มครองที่ครอบคลุมมากขึ้น รวมถึงในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุจากการเดินทางหรือกิจกรรมที่ไม่เกี่ยวข้องกับงาน การทำประกันอุบัติเหตุ PA เพิ่มเติมก็จะเป็นทางเลือกที่ดี เพราะมันช่วยเสริมความคุ้มครองที่มีอยู่ให้ครอบคลุมทุกสถานการณ์

(โปรดศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม)


 
 

Powered by MakeWebEasy.com